ประกันสังคมปรับเพดานค่าจ้างใหม่ เริ่มปี 2569 เพิ่มความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตน

ประกันสังคมปรับเพดานค่าจ้างใหม่ เริ่มปี 2569 เพิ่มความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตน

สำนักงานประกันสังคมประกาศปรับ เพดานค่าจ้างสูงสุด ที่ใช้เป็นฐานคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคม โดยเริ่มใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2569 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพ เศรษฐกิจ และรายได้แรงงานในปัจจุบัน รวมถึงยกระดับความคุ้มครองในระบบประกันสังคมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในวันที่ 2 ธันวาคม 2568 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการของร่างกฎกระทรวง ซึ่งจะเดินหน้า ปรับเพดานค่าจ้าง เป็น 3 ระยะ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและลดผลกระทบต่อผู้ประกันตนและนายจ้าง

เพดานค่าจ้างใหม่ 3 ระยะ (เริ่มใช้ปี 2569)

ระยะที่ 1 (ปี 25692571)

• เพดานค่าจ้าง: 17,500 บาท
• เงินสมทบสูงสุด: 875 บาท/เดือน

ระยะที่ 2 (ปี 25722574)

• เพดานค่าจ้าง: 20,000 บาท
• เงินสมทบสูงสุด: 1,000 บาท/เดือน

ระยะที่ 3 (ปี 2575 เป็นต้นไป)

• เพดานค่าจ้าง: 23,000 บาท
• เงินสมทบสูงสุด: 1,150 บาท/เดือน

สิทธิประโยชน์ที่จะเพิ่มขึ้น (เริ่มในระยะที่ 1 ปี 25692571)

การปรับเพดานค่าจ้างในระยะแรก ทำให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพิ่มขึ้นดังนี้

1. เงินทดแทนการขาดรายได้ (สูงสุดต่อเดือน)

• กรณีเจ็บป่วย: 8,750 บาท (จากเดิม 7,500 บาท)
• กรณีว่างงาน: 8,750 บาท (จากเดิม 7,500 บาท)
• กรณีทุพพลภาพ: 8,750 บาท (จากเดิม 7,500 บาท)

2. เงินสงเคราะห์ต่าง ๆ

• คลอดบุตร: 26,250 บาท/ครั้ง (จากเดิม 22,500 บาท)
• เสียชีวิต: 105,000 บาท (จากเดิม 90,000 บาท)

3. บำนาญชราภาพ (ต่อเดือน)

• ผู้ที่ส่งเงินสมทบครบ 15 ปี: 3,500 บาท (จากเดิม 3,000 บาท)
• ผู้ที่ส่งเงินสมทบครบ 25 ปี: 6,125 บาท (จากเดิม 5,250 บาท)

กระทบกับใครบ้าง?

ลูกจ้าง

• เงินสมทบต่อเดือนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ได้รับสิทธิประโยชน์สูงขึ้นอย่างชัดเจน
• คุ้มครองกรณีเจ็บป่วย ว่างงาน คลอดบุตร ชราภาพ ครอบคลุมและตอบโจทย์ชีวิตมากขึ้น

นายจ้าง

• ค่าใช้จ่ายสมทบเพิ่มขึ้น แต่เพิ่มความมั่นคงและสวัสดิการให้พนักงาน
• ลดความเสี่ยงทางธุรกิจ เนื่องจากพนักงานมีสวัสดิการที่ดีขึ้นและมีความมั่นคงทางรายได้